10/31/2015

อวสาน พยัคฆราชซ่อนเล็บ คืนฝันสู่ต้าหมิง

[spoiled] บทความนี้เอ่ยถึงเนื้อหาตอนจบของเรื่อง

การผจญภัยของเซี่ยสิน/หยางซวี แห่ง "พยัคฆราชซ่อนเล็บ" ที่ดำเนินต่อเนื่องมาถึง 30 เล่ม ก็มาถึงจุดสิ้นสุดจนได้

บทสรุปของเรื่องนี้อาจสรุปด้วยคำสั้นๆ ว่า "คืนฝันสู่ต้าหมิง" (ตั้งให้ล้อกับนิยายเรื่อง "ฝันคืนสู่ต้าชิง")


เซี่ยสิน ผู้สะท้อนกรอบคิดและมุมมองของคนจีนยุคปัจจุบัน ย้อนเวลากลับไปยังประวัติศาสตร์จีน ช่วงที่อาณาจักรจีนเกรียงไกรที่สุด มีอารยกรรมก้าวหน้าที่สุดในโลก นั่นคือรัชสมัยของจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง (ต้าหมิง)

เส้นทางชีวิตของเซี่ยสิน เริ่มจากการเป็นผู้ถูกกระทำของวงล้อประวัติศาสตร์ จากการต้องเอาชีวิตรอดในหมู่บ้านเล็กๆ จนชีวิตพลิกผัน ได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ ก่อนที่เขาจะค้นพบว่าเขามีหน้าที่ขับเคลื่อนยุคสมัยให้เดินตามประวัติศาสตร์ที่เขารู้จัก (เหตุการณ์ลอบสังหารติมูร์) และสุดท้าย เขาเป็นคนจรดสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ขึ้นมาด้วยมือของตัวเอง

มุมมองของเซี่ยสิน สะท้อน "ความคับแค้นใจ" ของคนจีนปัจจุบัน ที่มองย้อนกลับไปแล้วพบว่าชาติของตนเคยเป็นเจ้าโลกอยู่ช่วงหนึ่ง (สะท้อนจากความยิ่งใหญ่ของกองเรือเจิ้งเหอ) และเคยมีโอกาสจะดำรงตำแหน่งมหาอำนาจโลกอย่างยาวนาน แต่ด้วยการตัดสินใจผิดพลาดบางอย่างในประวัติศาสตร์จริง (การยุบกองเรือโดยจักรพรรดิพระองค์ต่อมา หงซี หรือ จูเกาเช่อ) ทำให้ชนชาติฮั่นเลือกจะปิดประเทศ เสียโอกาสการเป็นเจ้าแห่งท้องทะเลไปอย่างน่าเสียดาย

เซี่ยสิน จึงรับหน้าที่สานฝันของต้าหมิงที่เคยฝันค้างไว้ โดยใช้โอกาสที่ดีที่สุด (การเป็นคนสนิทของจอมจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่) ผลักดันต้าหมิงให้เดินไปในทิศทางที่ควรจะเป็น

นิยายย้อนเวลาที่มอบพลังให้ตัวละคร "แก้ไขประวัติศาสตร์ช่วงที่ผิดพลาด" ของชนชาติตัวเองไม่ใช่เรื่องใหม่ ในการ์ตูนเรื่อง Zipang ของ Kaiji Kawaguchi กลุ่มนายทหารเรือญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน ย้อนเวลาไปยุคสงครามโลก เพื่อหยุดยั้งความบ้าสงครามของจักรวรรดิญี่ปุ่นในยุคนั้น ใช้พลังแห่งคนในยุคอนาคต บีบให้ญี่ปุ่นต้องถอนทัพก่อนกำหนด และบีบให้อเมริกาต้องเจรจาสันติภาพ

Zipang ตอบโจทย์บาดแผลในจิตใจของคนญี่ปุ่นที่มองว่าสงครามคือความผิดพลาด ส่วน "พยัคฆราชซ่อนเล็บ" ก็มุ่งชดเชยบาดแผลทางใจของคนจีนที่เสียดายโอกาสของราชวงศ์หมิงเช่นกัน ประโยคที่เซี่ยสินคุยกับบุตรชายในเรื่องว่า "คนรุ่นหน้าไม่ต้องเรียนภาษาอังกฤษที่แสนน่าเบื่ออีกแล้ว เพราะภาษาจีนกลายเป็นภาษาหลักของโลก" ย่อมสะท้อนมุมมองเช่นนี้ของคนจีนยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี

ต้องยอมรับว่าเยี่ยกวน ค้นคว้าเส้นทางการเดินเรือที่เป็นไปได้ในเรื่องมาได้อย่างละเอียด การเดินทางไปยุโรปของเซี่ยสินและเจิ้งเหอ ดูพอจะเชื่อถือได้ว่าสามารถเกิดได้จริง (แม้จะเล่าอย่างรวบรัดไปมากในเล่มสุดท้าย) ในขณะที่การเดินทางไปตั้งรกรากในทวีปอเมริกาตอนจบ ก็ดูเป็นไอเดียสดใหม่ที่ยังไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน เมื่อผนวกกับแนวคิดของการเป็นคนยุคปัจจุบัน ที่ต้องการคิดใหม่ทำใหม่ สร้างอารยธรรมจีนแบบใหม่ขึ้นมานอกประเทศจีนเดิม ก็ทำให้เป็นแนวทางที่น่าเชื่อถือมากขึ้น

ถ้ามองภาพรวมของเรื่องตั้งแต่เล่มแรกจนถึงเล่มสุดท้าย การวางบทให้เซี่ยสินตัดสินใจสร้างประวัติศาสตร์ของเขาเองในเล่มสุดท้าย อาจถือว่ามาช้าไปสักหน่อย (มุมมองของเซี่ยสินเรื่องการเขียนประวัติศาสตร์เอง ก็มาถึงในช่วงหลังๆ ของเรื่องแล้ว) และถือว่าช่วงต้นๆ ของเรื่องเสียเวลากับชีวิตและการผจญภัยทั่วๆ ไปของเซี่ยสินเกินไปมาก อย่างไรก็ตาม ด้วยฝีมือการประพันธ์ที่ยอดเยี่ยม การดำเนินเรื่องในแต่ละปมย่อย (subplot) ที่สนุก ฉลาด และคมคาย ก็ช่วยชดเชยข้อเสียเรื่องความยืดเยื้อของเรื่องลงได้มาก

พยัคฆราชซ่อนเล็บ อาจมีจุดอ่อนอยู่บ้างในแง่ความยาวของเรื่อง บทสรุปสุดท้ายที่รวบรัดมากเกินไปจนน่าเสียดาย และตัวละครบางตัวที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก (เช่น จี้กังที่แพ้ง่ายเกินไปมากจนไม่สนุก) แต่ในภาพรวมแล้ว ถือเป็นนิยายจีนอิงประวัติศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมมากในรอบหลายปีที่ผ่านมา การดำเนินเรื่องที่สนุก บวกกับจุดขายหลักของตัวเอกที่เน้นกลยุทธ์แบบสายลับ มากกว่ากำลังภายในหรือฉากรบในสงคราม ทำให้การติดตามอ่านพยัคฆราชฯ เป็นความบันเทิงชั้นเยี่ยมในรอบปีที่ผ่านมาของผู้เขียน

จากนี้ไปคงต้องรอรับชม "พยัคฆราช" ภาคละครทีวี (Braveness of the Ming) รวมถึงรอลุ้นว่าจะได้อ่านงานเรื่องอื่นๆ ของเยี่ยกวนในฉบับภาษาไทยอีกหรือไม่

No comments:

Post a Comment