5/25/2009

ผู้พิชิตดาราจักร เล่ม 1

นิยายวิทยาศาสตร์ของหวงอี้ที่ Siam Inter เอามาพิมพ์ใหม่ เห็นว่ามี 6 เล่มจบ ตอนนี้ออกถึงเล่ม 4 แล้วแต่เพิ่งได้อ่านเล่ม 1

คำโปรยของ Siam Inter บอกว่าเป็น "Star Wars" ฉบับหวงอี้ แต่หลังจากอ่านจบแล้วผมว่าไม่เหมือนอย่างรุนแรง "ผู้พิชิตดาราจักร" นั้นก็ยังเป็นนิยายกำลังภายในแนวหวงอี้ที่เปลี่ยนฉากหลังจากยุทธจักรมาเป็นอวกาศเท่านั้นเอง ถ้าใครเคยอ่านการ์ตูนซีรีย์ Warlord ก็จะอารมณ์นั้นเลย

เหตุที่บอกว่าผู้พิชิตดาราจักรยังเป็น "นิยายแบบหวงอี้" ก็เพราะมันมีส่วนประกอบในแบบฉบับของหวงอี้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่าง faction ที่เป็นธีมสำคัญ, การแปลงโฉม, การหาข่าวกรอง, เมืองโลกีย์, เป้าหมายของชีวิตที่แสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจ ฯลฯ สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือเหตุผล กฎ คำอธิบาย ของปรากฎการณ์เหล่านี้ที่เปลี่ยนจาก "ลมปราณ" มาเป็น "อุปกรณ์ไฮเทคและพลังสนามแม่เหล็ก" เท่านั้น ตัวอย่างเช่น การแปลงโฉมจะเปลี่ยนจากหน้ากากและการดัดกระดูกด้วยปราณ มาเป็นชุดเนื้อมนุษย์และการดัดกระดูกด้วยพลังจิต, เปลี่ยน faction จากก๊กหรือชนเผ่า มาเป็นหมู่ดาวและองค์กรระหว่างอวกาศ เป็นต้น

จากคำนำของหนังสือบอกว่างานชิ้นนี้ถูกเขียนขึ้นไล่เลี่ยกับ "เจาะเวลาหาจิ๋นซี" ดังนั้นเราจึงเห็นความคล้ายคลึงระหว่างทั้งสองเรื่องนี้สูงมาก พระเอกของทั้งสองเรื่องมาจาก "ดินแดนอื่น" เหมือนกัน (เซี่ยงเส้าหลงมาจากอนาคต; ฟางโจวมาจากดาวที่ไม่มีคนอาศัยอยู่) และใช้พลังที่ไม่มีใครอื่นมี มาก่อกวนให้สมดุลย์ของความขัดแย้งในเรื่องถูกทำลายลงไปเหมือนกัน (เซี่ยงเส้าหลงใช้ความรู้จากอนาคต; ฟางโจวใช้พลังพิเศษของดาววิหคเพลิง) ฝั่งนางเอกก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก ยังยึดธีมสาวงามมากความสามารถ มีศักดิ์ฐานะทางสังคมสูง และไม่เคยมีชายใดโยกคลอนหัวใจได้สำเร็จ จนกระทั่งมาเจอพระเอกที่ใช้ความแปลกใหม่เร้าใจพิชิตนางเอกได้สำเร็จ

งานเขียนในยุคนี้ของหวงอี้ยังมี "ความแบนราบ" ในคาแรกเตอร์ตัวละครอยู่มาก ตัวละครยังแบ่งแยกดีชั่วอย่างชัดเจน ฝ่ายผู้ร้ายมักมีคาแรกเตอร์อัปลักษณ์หรือบุคคลิกที่ไม่พึงประสงค์ ผู้หญิงในเรื่องแต่ละคนมีคาแรกเตอร์เดี่ยวประจำ เช่น สาวเรียบร้อย, สาวก๋ากั่น, สาวสวยเก่ง ไม่มีความซับซ้อนมากกว่านั้น พระเอกทำอะไรถูกที่ถูกเวลาเสมอ คาแรกเตอร์สนับสนุนที่ไม่มีบทบาทอะไรและหายไปทันทีที่หมดประโยชน์ ฯลฯ เราเห็นข้อด้อยเหล่านี้กันมาเยอะแล้วในนิยายขนาดยาวของหวงอี้อย่างเทพมารสะท้านภพ หวงอี้เองนั้นเห็นจุดอ่อนจุดนี้ของตัวเองเช่นกัน และได้พยายามพัฒนา "ความลุ่มลึก" ให้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในนิยายเรื่องล่าสุดคือ "ศึกรักแดนสนธยา" เราก็เห็นพัฒนาการในส่วนนี้ที่ดีขึ้นมาก

อย่างที่เขียนไปแล้วว่า คำว่า "วิทยาศาสตร์" ที่ห้อยติดท้าย "นิยาย" มาในผู้พิชิตดาราจักรนั้นบ่งบอกแค่ว่าฉากหลังมันเป็นอวกาศมิใช่จงหยวนเท่านั้น มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับนิยายวิทยาศาสตร์ตะวันตกที่มีแนวคิดแปลกใหม่เป็นแกนหลัก และสร้างเรื่องเล่าขึ้นมาครอบมันเอาไว้ นิยายวิทยาศาสตร์ของหวงอี้นั้นยังเป็น "กำลังภายในตะวันออก" ที่พยายามใช้แฟนตาซีไซไฟแบบหลวมๆ มาอธิบายปรากฎการณ์ในเรื่องเท่านั้น

กล่าวโดยสรุป แฟนประจำของหวงอี้ก็ไม่เคยแคร์อยู่แล้วว่านิยายของหวงอี้จะดีจะแย่อย่างไร ก็ยังติดตามหามาอ่านกันได้เรื่อยๆ อยู่ดี เหตุเพราะว่าจุดแข็งของหวงอี้ไม่ใช่ความลุ่มลึก ความสมบูรณ์แบบกิมย้ง หรืออารมณ์ความรู้สึกแบบโกวเล่ง แต่เป็นความมันส์แบบหนังฮอลลีวู้ดกระแสหลักที่ไม่ต้องคิดอะไรมากตอนรับชมนั่นเอง ผู้พิชิตดาราจักรมี "ความเป็นหวงอี้" ที่แฟนๆ คาดหวังอยู่อย่างครบถ้วน แฟนหวงอี้ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

โพสต์นี้ยกมาจาก http://www.isriya.com/node/2629/

1 comment:

  1. แต่โดยส่วนตัวผมเห็นว่า

    ผู้พิชิตดาราจักรนั้น เป็นอีกหนึ่งการปลดปล่อยของหวงอี้ครับ ปกติแล้วหวงอี้ที่เราเคยเห็นจะเขียนหนังสือนิยายอิงประวัติศาสตร์ ซึ่งประวัติศาสตร์นี่แหละครับ คอยจำกัดจิตนาการที่ล้ำลึกของหวงอี้

    ผู้พิชิตดาราจักรจึงเป็นหนึ่งทางระบายจิตนาการของหวงอี้ ซึ่งพยายามสอดแทรกแนวคิดเกี่ยวกับ หยิน-หยาง ลงไปสู่ปฐมบทแห่งการกำเนิดจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นจักรวาลทางตรงและกลับด้านที่ทับซ้อนกันอยู่ ซึ่งตรงกับแนวหลักคิดทางพุทธศาสนาเกี่ยวกับเรื่องวตะ หรือเรื่องมิติของเวลาที่ทับซ้อนกัน

    ถ้ามองในมุมนิยายกำลังภายใน หวงอี้ไม่มีอะไรใหม่ แต่ถ้ามองในมุมจิตนาการแล้ว ทฤษฎีหยินหยาง ถูกนำไปประยุกต์ใช้เพื่ออธิบาย องค์ประกอบในจักรวาลได้อย่างเหลือเชื่อ

    ReplyDelete