คุณค่าของมังกรหยก ไม่ได้อยู่แค่ที่อรรถรสของนวนิยายที่สอดประสานกันชนิดที่เรียกว่า "เสื้อสวรรค์ไร้ตะเข็บ" เท่านั้น แต่ยังอยู่ที่การแฝงวัฒนธรรมจีนอยู่ในแทบทุกส่วนของเนื้อเรื่อง เป็นการแสดงถึงภูมิปัญญาของกิมย้งด้วย
เป็นอย่างไรหรือ ลองจาระไนดู
ศาสนาหลักที่เป็นรากฐานของจีน คือลัทธิขงจื๊อและเต๋า ถูกสะท้อนออกมาในมังกรหยกสองภาคแรก
ก๊วยเจ๋ง เป็นคนยึดมั่นในคุณธรรม ความกตัญญู ความเคร่งครัดในจารีตประเพณี แม้ก๊วยเจ๋งจะได้วิชา 18 ฝ่ามือปราบมังกร ได้เคล็ดวิชา เก้าอิม จนกลายเป็นยอดยุทธ์ แต่ก็ไม่เคยลืมบุญคุณของ เจ็ดประหลาดกังหนำ ที่เลี้ยงดูสั่งสอนมา ก๊วยเจ๋งจึงเป็นตัวแทนของลัทธิ ขงจื๊อ
ในภาคที่สอง ลัทธิเต๋า ซึ่งเน้นเรื่องการรักษาสมดุลหยิน-หยาง ความวางเฉยหรืออุเบกขา ถูกสะท้อนออกมาอย่างชัดเจนในตัว เซียวเล่งนึ้ง ตามแนวฝึกเง็กนึ้งจินเก็ง (คัมภีร์สาวหยก) ของสำนักสุสานโบราณ เด็ดแค่ไหน สามารถทำให้เซียวเล่งนึ้งที่เอี้ยก้วยเคยเรียกท่านอา ดูเด็กกว่าเอี้ยก้วยได้เมื่อได้อยู่ด้วยกันก็แล้วกัน
เอี้ยก้วย นั้น เหมือนถูกวางให้เป็นตัวแทนของแนวคิด อัตถิภาวนิยม ที่เป็นปรัชญาตะวันตก โดยเป็นตัวกลางที่เชื่อมโยงไปมาระหว่างลัทธิทั้งสองของจีนในมุมมองเชิงวิพากษ์ แน่นอนว่าการแหวกประเพณีของเอี้ยก้วย ด้วยการแต่งงานกับอาจารย์ เป็นสิ่งที่อยู่คนละขั้วกับก๊วยเจ๋งอย่างสิ้นเชิง และการที่เซียวเล่งนึ้งได้พบเอี้ยก้วยจนต้องออกจากสำนักมาท่องยุทธภพ ก็ทำให้จิตใจที่สงบราบเรียบต้องกระเพื่อม ถือเป็นแรงทดสอบต่อลัทธิเต๋า เอี้ยก้วยแสดงความเป็นอัตถิภาวนิยมด้วยการเชื่อในเหตุผลของตัวเอง ไม่สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนในยุทธภพ ไม่เว้นแม้วิชาหมัดมวย ก็ยังบัญญัติเพลงมวยขึ้นเอง
ส่วนภาคที่สามนั้น แหวกแนวออกไปด้วยการนำ ศาสนาโซโรอัสเตอร์ (ลัทธิบูชาไฟ) ของเปอร์เซียเข้ามาในนาม นิกายเม้งก่า และในภาคนี้ ศาสนาพุทธ เริ่มมีบทบาทมากขึ้น จากการปราบพยศราชสีห์ขนทองเจี่ยซุ่นโดยวัดเส้าหลิน แต่แก่นของเรื่องน่าจะเป็นการคลายความยึดมั่นถือมั่น การแบ่งขั้วธรรมะ-อธรรมของสำนักในยุทธภพ บีบให้เตียชุ่ยซัวและฮึงซู่ซู่ต้องฆ่าตัวตาย กลายเป็นปมให้เตียบ่อกี้ที่เป็นลูกครึ่งธรรมะ-อธรรมค่อย ๆ คลี่คลายด้วยความประนีประนอมต่อมา
สาระอีกอย่างของภาคสาม อยู่ที่ความหมายของตัวกระบี่อิงฟ้าและดาบฆ่ามังกรเอง แนวคิดอาจคล้ายเรื่องพ่อมดเมอร์ลินที่ช่วยให้กษัตริย์อาเธอร์ได้เป็นกษัตริย์ เป็นการให้อำนาจกษัตริย์ด้วยดาบฆ่ามังกร และถ่วงดุลตรวจสอบด้วยกระบี่อิงฟ้า เพื่อให้กษัตริย์ปกครองแผ่นดินโดยธรรม
จะเห็นว่าตัวเอกของเรื่องจะมีมิติมากขึ้นเรื่อย ๆ จากภาคแรก ก๊วยเจ๋งมีอุดมการณ์ชัดเจน ตัดสินทุกอย่างด้วยหลักคุณธรรม มีรักเดียวคือ อึ้งย้ง แม้จะมีวาเจนกงจู๊ลูกสาวเจงกีสข่านมาเป็นตัวแปร แต่ก็ชัดเจนมากว่าเป็นได้แค่น้องสาว
ภาคต่อมา เอี้ยก้วยซึ่งเกิดมาพร้อมตราบาปของเอี้ยคังผู้พ่อ ทำให้ต้องเผชิญอุปสรรคในชีวิตสารพัดรูปแบบ มีความสงสัยต่อหลักคุณธรรม ทั้งนิสัยดื้อรั้นก็ผลักดันให้ได้ค้นคว้าแสวงหาด้วยตัวเอง ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีล้วนมาจากความคิดแบบปัจเจก ไม่ใช่จากการพร่ำสอนเหมือนก๊วยเจ๋ง เรื่องผู้หญิง แม้มีสาวมาติดพันหลายคนโดยเอี้ยก้วยก็กะลิ้มกะเหลี่ยแบบทีเล่นทีจริง ทั้งเทียเอ็ง เล็กบ้อซัง อ้วนง้วนเพ้ง กงซุนเล็กงัก หรือกระทั่ง ก๊วยพู้ ก๊วยเซียง แต่เอี้ยก้วยก็ยังมั่นคงต่อเซียวเล้งนึ้งเพียงคนเดียว ถือเป็นภาคที่เพิ่มดีกรีการแสวงหาขึ้นมา พาผู้อ่านเติบโตขึ้นระดับหนึ่ง
ส่วนภาคสาม เตียบ่อกี้ไม่ได้เป็นลูกจอมยุทธผู้ทรงคุณธรรมเหมือนก๊วยเจ๋ง ไม่ได้เป็นลูกตัวร้ายเหมือนเอี้ยก้วย แต่เป็นลูกผสมที่มีพ่อเป็นจอมยุทธฝ่ายธรรมะ และแม่เป็นคนของพรรคมาร ปมที่อยู่ในตัวเตียบ่อกี้จึงเป็นการต่อสู้ขับเคี่ยวกันระหว่างดีกับชั่ว พาผู้อ่านแยกแยะละเอียดยิ่งขึ้น ว่าดีนั้นคือดียังไง ชั่วคือชั่วยังไง (แต่จะให้เข้มข้นยิ่งขึ้นต้องอ่าน กระบี่เย้ยยุทธจักร) ส่วนเรื่องผู้หญิงนี่ จูยี้ เสี่ยวเจียว จิวจี้เยี้ยก เตี๋ยเมี่ยง เตียบ่อกี้กะรวบเป็นภรรยาหมด นี่อาจเป็นผลข้างเคียงจากความเป็นคนประนีประนอมของเตียบ่อกี้เอง
เอาละ นั่นคือว่าด้วยโครงเรื่องโดยรวม แต่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เป็นวัฒนธรรมจีนที่แทรกอยู่ ก็ทำให้เพิ่มความคลาสสิกของมังกรหยกเข้าไปอีก
ห้ายอดฝีมือแห่งเขาฮั้วซัว คือ ตังเซี้ย (มารบูรพา อึ้งเอี๊ยะซือ) ไซตั๊ก (พิษประจิม อาวเอี้ยงฮง) ปักข่าย (ยาจกอุดร อั้งชิดกง) น่ำเต้ (ราชันย์ทักษิณ อิดเต็งไต้ซือ) ตงซิ้นทง (กลางอิทธิฤทธิ์ เฮ้งเต้งเอี๋ยง) ตอนที่อ่านนอกจากจะได้อารมณ์ว่ามียอดฝีมือประจำภูมิภาคต่าง ๆ ของจีนมาเจอกันแล้ว ยังเป็นการวางโครงตัวละครตามแนวคิดทิศและธาตุทั้งห้าของจีน
ธาตุทั้งห้าตามคติจีน ได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ ไม้ ทอง มีวัฏจักรการก่อเกิดและสะกดซึ่งกันและกัน วัฏจักรการก่อเกิดคือ ดินบ่มทอง (โลหะ) ทองเก็บน้ำ น้ำหล่อเลี้ยงไม้ ไม้เป็นเชื้อไฟ ไฟสร้างเถ้าเป็นดิน ส่วนวัฏจักรการสะกดคือ ดินดูดน้ำ น้ำดับไฟ ไฟหลอมทอง ทองผ่าไม้ ไม้ชำแรกดิน ลองดู แผนภูมิ จะเห็นเป็น complete graph พอดี เรียกว่าใช้เล่นเป่ายิ้งฉุบได้เลย ว่าใครชนะใคร
ธาตุทั้งห้า เชื่อมโยงกับทิศ ตรงกลางคือดิน ทิศเหนือคือน้ำ ทิศใต้คือไฟ ทิศตะวันออกคือไม้ ทิศตะวันตกคือทอง
ธาตุทั้งห้าและทิศ ถูกนำมาใช้ตอนที่อึ้งเอี๊ยะซือวางแผนตั้งค่าย 28 ดาวนักษัตร เพื่อรบมองโกลที่เมืองเซียงเอี๋ยง ให้ก๊วยเจ๋งคุมทัพธงเหลืองอยู่กลางแทนธาตุดิน อึ้งย้งคุมทัพธงดำอยู่เหนือแทนธาตุน้ำ อิดเต็งไต้ซือคุมทัพธงแดงอยู่ใต้แทนธาตุไฟ อึ้งเอี๊ยะซือคุมทัพธงเขียวอยู่ตะวันออกแทนธาตุไม้ และ จิวแป๊ะทง คุมทัพธงขาวอยู่ตะวันตกแทนธาตุทอง (ตอนนั้นอั้งชิดกงกับอาวเอี้ยงฮงตายไปแล้ว จากการประลองที่ยุติความแค้นระหว่างกัน จึงต้องหาคนแทน) แล้วแปรขบวนสองจังหวะ จังหวะแรกใช้วัฏจักรก่อเกิด แล้วก็แปรขบวนด้วยวัฏจักรสะกดทีหลัง ทำให้ทัพมองโกลสับสน
ขุมทรัพย์อีกอย่างของจีนที่ถูกนำมาอวด คือพิชัยสงครามงักฮุย เป็นตัวแทนศาสตร์แห่งสงครามของจีนที่ก๊วยเจ๋งนำมาใช้สู้รบชนะมองโกลหลายครั้ง ความรักชาติ รักคุณธรรมของงักฮุย กับลัทธิขงจื๊อในตัวก๊วยเจ๋ง ก็เข้ากันได้ดี ส่วนอึ้งย้งนั้น ดูเหมือนสวมวิญญาณ ขงเบ้ง อยู่ตลอดอยู่แล้ว ค่ายกลขงเบ้งก็เคยนำออกมาใช้
เรื่องเกร็ดภูมิปัญญาจีนต้องยกให้อึ้งเอี๊ยะซือ กิมย้งไม่ลืมที่จะแทรกเรื่องคณิตศาสตร์ของจีนโบราณไว้ เมื่อก๊วยเจ๋งอึ้งย้งไปพบ เอ็งโกว ที่พยายามแก้ปัญหา จัตุรัสกล (magic square) อยู่กลางบึง อึ้งย้งจึงงัดเคล็ดวิชาที่เรียนจากอึ้งเอี๊ยะซือออกมาตีโจทย์เอ็งโกวเสียแตกกระจุย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ มีอยู่ในคณิตศาสตร์จีนโบราณจริง
เหล่านี้แหละ ที่ทำให้มังกรหยกแตกต่างจากนิยายกำลังภายในทั่วไป
อยากได้ความเห็นพี่เทพด้วยว่า ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว ใครเก่งสุดในทั้งสามภาค
ReplyDeleteผมให้อาวเอี๊ยงฮงนะ
โหวต เตียบ่อกี้
ReplyDelete* ฝึก เก้าเอี้ยง มีกำลังภายในเต็มร้อย
* ฝึก พลังเคลื่อนย้ายจักรวาล ใช้กำลังภายในได้ตามใจนึก
* ฝึก หมัดไท้เก็ก และกระบี่ไท้เก็ก
* รู้เคล็ดวิชาของทุกสำนัก เพราะพ่อบุญธรรมให้ท่องตั้งแต่เด็ก
กะจะเขียนแต่แนวบุ๋น โดนถามแนวบู๊จนได้แฮะ :P
ReplyDeleteเก่งสุดในสามภาค ตอบยากน่ะ มันขึ้นกับยุคสมัยมั้ง เอาไอน์สไตน์มาแข่งกับนิวตันเหรอ ก็ยุคไอน์สไตน์มีข้อมูลมากกว่านิ ในขณะที่นิวตันต้องออกแรงประดิษฐ์แคลคูลัสเอง
ถ้าเอาแค่ระดับวิชามาเทียบกัน ผมคงต้องยอมให้เตียบ่อกี้ละ เพราะคัมภีร์เยอะเหลือเกินในสมัยเขา นอกจากที่คุณ sugree ลิสต์มา ก็ยังมีวิชาป้ายอัคคีของเปอร์เซียอีก แต่แค่เก้าเอี๊ยงที่เป็นวิชาของปรมาจารย์ตั๊กม้อเอง ก็สุดยอดแล้ว
แต่นั่นเป็นเพราะเขาโชคดีหรือเปล่า? ยังไม่พบว่าเขาพลิกแพลงคิดวิชาอะไรใหม่ ๆ ได้เหมือนเอี้ยก้วย อาวเอี้ยงฮง และจิวแป๊ะทง
ตรงนี้สำคัญอยู่นะ เพราะในการต่อสู้ ประมือทีแรกผลเป็นอย่างหนึ่ง แต่สำหรับคนที่ "hack" เพลงยุทธเก่งจะสามารถพลิกมาชนะได้ในครั้งถัดมา ซึ่งความสามารถตรงนี้ ผมเห็นด้วยกับ Mk ว่าอาวเอี้ยงฮงเป็นเลิศที่สุด รองลงมาคงเป็นเอี้ยก้วย แล้วก็จิวแป๊ะทง ตามลำดับ (สองคนหลังนี่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใครเก่งกว่า แต่ผมคิดว่าเอี้ยก้วยใช้เวลา hack น้อยกว่า จิวแป๊ะทงอาจมีประสบการณ์มากกว่า)
พูดถึงยอดฝีมือ มีอยู่คนนึงที่ผมยังสงสัยในฝีมืออยู่ คือสตรีแซ่เอี้ยที่มาปราบจิวจี้เยี้ยกด้วยวิชาเก้าอิมที่ถูกหลักน่ะ (นัยว่าเป็นลูกเอี้ยก้วย?) ถ้าคนนี้ได้ปะทะกับวิชาเก้าเอี๊ยงของเตียบ่อกี้คงน่าดูชม
เสริมนิดหน่อย เตียบ่อกี้เรียนเร็วนะ เรื่องพรสวรรค์ไม่ต้องพูดถึง
ReplyDelete* เข้าใจแก่นแท้ของไท้เก็กได้โดยไม่ต้องพูดซักคำ
* เวลาสู้ส่วนใหญ่มักจะใช้กระบวนท่าเดียวกับคู่ต่อสู้ เข้าทำนอง "เริ่มทีหลังบรรลุถึงก่อน" ถึงแม้จะรู้เคล็ดวิชาล่วงหน้ามาก่อน แต่ก็ไม่เคยทดลองใช้ซักครั้ง
* เป็นหมอรักษาตัวเองได้
เสียนิดหน่อย ใจดี โลเล ชอบเจ็บโดยไม่จำเป็น และที่แย่สุด มันมีแต่พลัง เรื่องกระบวนท่าก็ต้องใช้วิธีเลืยนแบบไปเรื่อยๆ แล้วหาทางชนตรงๆ จะได้ใช้พลังอัดกระแทกให้ช้ำใน อย่าไปโชคร้ายเจอเหล็งฮู้ชงก็พอ
สงสัยเรื่อง หญิงแซ่เอี้ย ที่มาสู้เอาชนะ จิวจี่หยก เหมือนกัน ตั้งแต่อ่านหนังสือแล้ว เพราะ ในเรื่อง ดาบมังกรหยก ห่างจาก จอมยุทธอินทรี อยู่เกือบร้อยปี (นับจาก อายุของ เตียซำฮง ซึ่งได้พบเอี้ยก้วย ตอนที่ยังเด็ก และ ไปตั้ง สำนัก บู๊ตึ๊ง จนมีอายุ ร้อยกว่าปี ใน ดาบมังกรหยก แถม อย่าลืมว่า ก๊วยเซียง ก็เสียชีวิตไปแล้ว ในดาบมังกรหยก) ดังนั้น อายุ ของสตรีแซ่เอี้ย ซึ่งในหนังสือบอกว่า เป็นสาว ก็ไม่ควรจะเป็นลูกของเอี้ยก้วย (แหม เอี้ยก้วย ตอนมาพบ เซียวเหล่งนึ่ง หลังจากพลัดพรากมา 16 ปี นี่ก็ประมาณคร่าวๆ ว่า น่าจะซัก 30 กลางๆ แล้ว ไม่น่ามีลูกตอนอายุ เฉียดร้อยได้อีก แต่อย่างไรก็ตาม กิมย้ง ดูเหมือนพยายามให้จอมยุทธหญิงท่านนี้ เกี่ยวข้องกับ เอี้ยก้วย ซึ่งอาจจะเป็นหลานทวด ซะมากกว่า
ReplyDeleteส่วนเรื่อง เตียบ่อกี้ เก่งที่สุดนะ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนะ เตียบ่อกี้ ดูเหมือนเป็นคนโชคดีมากกว่า อย่างตอนที่ ต้องฝึกพลังจักรวาล นี่ ก็เพราะ โชคดี สำเร็จ เก๊าเอี้ยง แล้ว ซึ่ง ก็เหมือนต่อยอดนิดหน่อยก็ฝึกสำเร็จได้เลย
ที่เก่งทีสุด ผมยังชอบเอี้ยก้วยนะครับ คิดถึง ฝึมือ ในการต่อสุ้ และ กำจัด นีมอแช ตอนที่ นีมอแช พยายาม มาจับ ก๊วยเซียงในศาลเจ้าร้าง (ตอนที่ ก๊วยเซียงมาไว้อาลัยกับลูอูคา) เอี้ยก้วย ไม่ปรากฏตัวก็สามารถ กำจัด นิมอแช ได้โดยที่จอมยุทธอย่างกีวยเจ๊ง ยังดูไม่ออกว่าตายอย่างไร
อีกอย่างตอนที่ประลอง กับ จิวแป๊ะทง เพื่อชักชวน จิวแป๊ะทงให้มาหาเอ็งโกว กิมยัง ก็บอกค่อนข้างชัดเจนว่า จิวแป๊ะทง สู้ไม่ได้เลย ซึ่งว่าไปแล้ว จิวแป๊ะทง นี่น่าจะมีวิทยายุทธ สูงสุดแล้ว (ผมว่า เก่งกว่า อึ้งเอี๊ยะซือด้วยซ้ำ)
แต่เรื่องอย่างนี้ ขึ้นกับความเห็นนะครับ อาจจะเหมือนเตะบอล ทีมเก่งกว่า อาจจะไม่ต้องชนะเสมอไป (เอ๊ะ ออกมาทางนี้ได้ไงหว่า)
ขอโทษด้วยครับ พอดีผมเพิ่งมีเวลาเข้ามาอ่าน ไม่แน่ใจว่าคนทำ Blog ยังคงทำอยู่ไหม เพราะเห็นบทความน้อยลงเรื่อยๆ พอดีย่อเรื่องจากการ์ตูน เอามาทำ Blog เล่นๆ
ReplyDeletehttp://comicmungkonyok.blogspot.com/
อืม อ่านอันนี้แล้ว ที่ทำไว้ ยังห่างไกลนัก ผู้น้อยนับถือๆ