กิมย้งเขียนเรื่องดาบมังกรหยก หรือชื่อตามต้นฉบับจริงๆ ว่า "กระบี่อิงฟ้า ดาบฆ่ามังกร" (倚天屠龍記 หรือ The Heavenly Sword and the Dragon Saber) เป็นภาคที่สามและภาคสุดท้ายในไตรภาคมังกรหยก
ในขณะที่เนื้อเรื่องของมังกรหยกสองภาคแรกเกี่ยวเนื่องกันอย่างมาก ปมหลายอย่างจากภาคหนึ่งได้ยกมาคลายในภาคสอง แต่สำหรับดาบมังกรหยกแล้ว เนื้อเรื่องจะเป็นยุคถัดจากนั้นมา 70-80 ปี ซึ่งตัวเอกจากสองภาคแรกเริ่มจะกลายเป็นตำนานเล่าขานในยุทธจักรของภาคนี้
ประวัติศาสตร์
ไตรภาคมังกรหยกจับความประวัติศาสตร์จีนราชวงศ์หยวนมาทั้งตอน ราชวงศ์หยวนหรือมองโกลได้ปกครองประเทศจีนต่อจากราชวงศ์เหลียว โดยอาศัยการรุกรานที่ไร้ผู้ต่อต้านของผู้นำที่เราคุ้นชื่อกันดี "เจงกีสข่าน"
ก๊วยเจ๋ง พระเอกของมังกรหยกภาคแรกได้รับการเลี้ยงดูจากเจงกีสข่าน แถมยังเป็นเพื่อนเล่นในตอนเด็กกับเซลุย ลูกชายคนเล็กของเจงกีสข่าน (เซลุยเป็นพ่อของกุบไลข่านอีกด้วย) แต่เมื่อก๊วยเจ๋งเข้าสู่ยุทธจักรก็เปลี่ยนใจช่วยชาติต่อสู้กับมองโกล มังกรหยกภาคแรกจบลงด้วยการตายของเจงกีสข่าน (ด้วยโรคชรา) และการถอยทัพชั่วคราวของเซลุย
มังกรหยกภาคสองกลับไม่ค่อยดึงประวัติศาสตร์จริงมาพัวพันเท่าภาคแรก เพราะเน้นบทโศกระหว่างเอี้ยก้วยกับเซียวเหล่งนึ่งซะเยอะ แต่หลายตอนในเรื่องก็มีการต่อสู้กับทัพมองโกลมาเกี่ยวข้อง พระนางของภาคสองได้หนีไปใช้ชีวิตโรแมนซ์กันตามลำพัง แต่ภาคนี้ก็ได้ทิ้งท้ายไว้ว่าก๊วยเจ๋งอึ้งย้งพลีชีพรักษาเมืองจากการโจมตี ของทัพมองโกล (ซึ่งเราพอประมาณได้ว่าเป็นทัพของเซลุย หรือกุบไลข่านในช่วงต้นๆ ซึ่งยึดเมืองจีนได้เบ็ดเสร็จ)
ภาคสามนั้นข้ามช่วงเวลาตรงกลางมาที่การล่มสลายของราชวงศ์หยวน และการสถาปนาราชวงศ์หมิง (ของชาวจีนฮั่น) ซึ่งเตียบ่อกี้ พระเอกของภาคนี้ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเค้าด้วย เตียบ่อกี้นั้นมั่วไปมั่วมาจนได้เป็นประมุขนิกายเม้งก่า (หรือ พรรคจรัส ในบางสำนวน) และได้ใช้ "กระบี่อิงฟ้า ดาบฆ่ามังกร" มรดกของก๊วยเจ๋งอึ้งย้งในการปราบมองโกล ถึงแม้เราจะไม่รู้ว่าเตียบ่อกี้ไปไหนต่อหลังเหตุการณ์ในเรื่อง แต่จูง้วนเจียงหรือจูหยวนจาง ลูกมือคนหนึ่งของเตียบ่อกี้ก็คือฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์หมิงน่ะเอง (หมิง <-- เม้ง)
กำลังภายใน
ในสองภาคแรก กิมย้งได้สร้าง "จักรวาล" หรือโลกแห่งยุทธจักรขึ้นมาอย่างมั่นคงและเป็นระบบ เรารู้จักวัดเส้าหลิน, นิกายช้วนจิน, เกาะดอกท้อ, พรรคกระยาจก คุ้นเคยกับเคล็ดวิชาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิชาคางคก ดัชนีเอกสุริยัน ไปจนถึงสุดยอดคัมภีร์ "เก้าอิมจินเอ็ง" (นพยม) อันเป็นที่หมายปองของยุทธจักร จักรวาลชุดแรกนั้นสมบูรณ์จนนึกไม่ออกว่าจะแทรกเรื่องต่อลงไปตรงไหนดี
กิมย้งผ่าทางตันที่ตัวเองสร้างไว้โดยการแตกวิชาสายใหม่ "เก้าเอี๊ยมจินเก็ง" (นวภพ) ซึ่งเป็นวิชาคู่ขนานกับเก้าอิมจินเอ็ง และยังกลายเป็นรากฐานของสำนักใหม่ๆ อย่างบู๊ตึ๊งหรือง้อไบ๊ ตัวละครในภาคใหม่จึงใช้วิชาใหม่ สังกัดสำนักใหม่ เปิดโอกาสให้ดำเนินเรื่องแบบใหม่ๆ ในขณะที่ยังคงวิชาสายเก่า คัมภีร์เก่า สำนักค่ายพรรคเดิมๆ บางแห่งเอาไว้ประปราย แสดงให้เห็นถึงการล่มสลายและการคงอยู่ของสำนักเก่าๆ แต่ละแห่งได้เป็นอย่างดี ตรงนี้นับว่ากิมย้งเยี่ยมยอดมาก (สำนวนนักอ่านกำลังภายในไทยเรียก "ภูษาไร้ตะเข็บ")
ความรัก
ถึงแม้ความรักที่เป็นธีมหลักในภาคสองจะลดบทบาทตัวเองไปในภาคนี้ แต่เตียบ่อกี้กลับมาสาวๆ ให้เลือกมากกว่าพระเอกมังกรหยกรุ่นก่อนซะอย่างนั้น ถ้าสังเกตละเอียดหน่อย สาวๆ ภาคนี้แบ่งบุคลิกของสาวรุ่นก่อนมาได้อย่างน่าชื่นชมคนเขียน เตี่ยเมี่ยงแทบจะยกความฉลาดของอึ้งย้งมาเพิ่มความร้ายเข้าไป ในขณะที่จิวจี้เยียกก็เอาความนิ่งของเซียวเหล่งนึ่งมาอย่างไม่ต้องสงสัย
ไอเดียของกิมย้งคือแสดงถึงความโลเลของเตียบ่อกี้ จึงบาลานซ์น้ำหนักให้สาวแต่ละคนพอๆ กัน แต่ผมกลับมองว่านี่เป็นจุดด้อยหลักของภาคนี้ แทนที่เราจะโฟกัสไปยังศึกสวาทของนางเอกเพียงสองคน (เตี่ยเมี่ยง vs จิวจี้เยียก) เราเลยต้องกระจายบทให้สาวคนอื่นๆ ทำให้เรื่องสะดุดไปในหลายช่วง
สรุป
เนื่องจากอันนี้เป็นวิจารณ์หนังสือลงบล็อก ก็ขอจบกันดื้อๆ ตรงนี้ว่า ผมเห็นด้วยกับหลังปกฉบับพิมพ์ใหม่ว่าเรื่องนี้โครงเรื่องซับซ้อน ตัวละครเยอะ แต่ไม่สับสนเพราะคนเขียนเก่ง แต่ในมุมกลับกัน ก็ไม่ตรึงตราตรึงใจเท่าภาคสอง เนื่องจากการเกลี่ยประเด็นอย่างที่เขียนไปข้างบนหมดแล้วน่ะเอง
No comments:
Post a Comment