พึ่งอ่านจบรอบแรก ว่าจะอ่านรอบสองแต่โอกาสไม่เอื้อเท่าไหร่ คืนนี้ต้องหลับแต่หัวค่ำเพราะมีนัดกับหมอแต่เช้า ถ้านอนดึกเดี๋ยวอาการจะหนักกว่าความเป็นจริง ตอนนี้เลยสรุปแบบละเอียดไม่ไหว ได้แค่ฉบับย่อพิเศษสำหรับผู้ที่อยากรู้เรื่องแบบเร่งด่วน
เล่มนี้มีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก แต่สภาพการณ์กลับเดินหน้าไปสู่บทสรุปอย่างรวดเร็ว หวนเสียนเริ่มปรากฎลางแพ้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่เกาเอี่ยนวางแผนยึดเมืองปาหลิงเพื่อกระตุกขาหลังของหวนเสียน หลิวอวี้ก็วางแผนยึดเมืองกว่างหลิงพร้อมอาวุธและเสบียงกลับมาแล้วยังส่งคนไปยึดแคว้นปาสูตัดทางถอยของหวนเสียนอีกต่างหาก ทางด้านไขว่เอินก็กำลังจะชนะฉีเต้าฟู่ เมื่อแผนทั้งหมดผ่านไปอย่างราบรื่น หวนเสียนก็จะถูกล้อม สภาพแบบนี้รอดยาก
หลิวอวี้เริ่มโชคดี ได้ขึ้นเขาวูซันกับเยิ่นชิงซื่อซะที สภาพของเติ้งฟูซันกลับพลิกตาลปัด แทนที่จะจัดการหลี่สูจวง กลับหาทางช่วย เนื่องจากตกหลุมรักซะแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเอี้ยนเฟยจะโชคดีที่สุด ได้เจอกับจี้เชียนเชียนในฝัน แถมยังรวมพลังกับอันอี้ฉิงนัดเจอกับจี้เชียนเชียนสำเร็จ และที่ดีที่สุดคงเป็นความกลมเกลียวของจี้เชียนเชียนกับอันอี้ฉิง ท่าทางสามคนนี้จะลงเอยกันแน่
มีตัวละครใหม่มาอีกหนึ่งซึ่งมีฐานะเป็น ผู้ศักดิ์สิทธิ์สำนักมาร คนผู้นี้อยู่ระดับเดียวกับสั้งหวี่เถียน และยังอาจจะฉลาดมากกว่า แผนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นผลงานพิสูจน์อย่างดี หลังจากที่ได้คุยกับเอี้ยนเฟยก็ทำท่าจะอยากเป็นเพื่อนกัน คุยไปคุยมายังบอกอีกว่าอยู่สำนักกุสุมาลย์ แถมยังพนันกันด้วย ถ้าเมืองปาหลิงกับเมืองกว่างหลิงโดนตีแตกในสิบวัน สำนักมารจะยุติแผนการทั้งหมด แต่ถ้าไม่แตกเอี้ยนเฟยจะกลับขึ้นเหนือ
ทางด้านอันอี้ฉิงยิ่งน่าสนใจ ดูเหมือนว่าจะฝึกตามหลัก หยินไร้ที่สุด สำเร็จไปบ้างแล้ว อย่างน้อยก็สามารถหดเส้นผมจนกลายเป็นแม่ชีเพื่อหลอกสำนักมารว่าเป็นแม่ชีจากเรือนฌาณเมตไตร แถมยังแกล้งจนเอี้ยนเฟยใจหายวาบเพราะคิดว่าปลงตกจนบวชชีจริงๆ ผมก็ตกใจเหมือนกัน ถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมแหงๆ
วันนี้แค่นี้ก่อน ขอหนีไปพักผ่อนสายตา ไม่งั้นหมอจับผ่าแน่ๆ ตกหล่นตรงไหนคงต้องฝากเสริมกันด้วยนะครับ
ผมอ่านแล้วมีความเห็นว่า
ReplyDeleteจุดอ่อนอย่างหนึ่ง คือ กองกำลังของหวนเสียนที่เคยกุมสภาพอยู่กว้างขวางระดับหนึ่ง ดูเหมือนจะหายไปเลย ทั้งๆ ที่การยึดนครหลวงก็ไม่ได้ใช้กำลังมาก และไม่จำเป็นต้องทุ่มเทไปทั้งรังเข้าไปกระจุกอยู่ในเจี้ยนคัง
ทำให้หวนเสียนซึ่งวางแผนมาชั่วชีวิต กลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปเฉยๆ
การกำจัดหอกข้างแคร่ทั้งหลายก็ด่วนสรุปด่วนทำ
ไม่ทำให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของคนที่จะก้าวขึ้นแย่งชิงบัลลังก์
ทุกอย่างเป็นไปตามหมากที่คนอื่นวางไว้ทั้งหมด
อ่านแล้วทำไมอยากกลับไปอ่านเรื่องราวของเทพอาถรรพ์อีกรอบ
ในเ่ล่มนี้ เริ่มจะเห็นการเชื่อมโยงตัวละครระหว่างเรื่องกันบ้างแล้ว
ReplyDelete-ซ่งเป่ยฟ่ง...มีจุดมุ่งหมายจะไปปักหลักดินแดนหลิงหนัน ก็มีความชัดเจนว่าจะเป็นต้นตระกูลซ่ง ซึ่งมีบทบาทอิทธิพลในราชวงศ์สุยในเวลาต่อมา (เรื่องมังกรคู่ฯ ตระกูลซ่งมีบทบาทมาก)
-สั้งหวี่เถียน... ถ้าจำไม่ผิดในเรื่องมังกรคู่จะกล่าวถึงเจ้าอธรรม สั้งหวี่เถียน ผู้ที่ได้บรรจุพลังลงไปในหินผลึกกลม ซึ่งก่อเป็นมรสุมแย่งชิงกัน จนในที่สุดเทพอาถรรพ์เป็นคนสุดท้าย ที่ได้ครอบครอง
-ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นี่ก็เป็นเจ้าสำนักกุสุมาลย์ คนที่ตกทอดมาก็คือ เทพอาถรรพ์ คนสุดท้ายก็คือ โหวซีไป๋
-สำนักทศเย็น คาดเดาว่าอาจจะเป็นฉู่อู๋เสีย หรือไม่ก็หลี่สูจวง
แต่ที่แน่ๆ คือแนวการเขียนของหวงอี้ ค่อนข้างจะเป็นกบถต่อแนวการเขียนนิยายกำลังภายใน พอสมควร ดังจะเห็นได้ว่า ตอนจบในนิยายของหวงอี้ จอมมาร กะนางมารมักจะอยู่รอดปลอดภัยจากการปราบมาร พิทักษ์ธรรมของพระเอก
2 ประเด็นครับ
ReplyDeleteเรื่องที่ีคุณ Tanay บอกว่า "สำนักทศเย็น คาดเดาว่าอาจจะเป็นฉู่อู๋เสีย หรือไม่ก็หลี่สูจวง" นั้น
ผมกลับคิดถึงเหยินชิงซื่อ
แต่ก็เป็นไปได้สูงครับว่า
ฉู่อู๋เสียอาจเป็นร่องรอยสืบสาวถึงทศเย็น
ส่วนประเด็นที่ว่า งานของหวงอี้มีแนวโน้มกบฏต่อแนวงานเขียนกำลังภายในนั้น
ก็เป็นข้อสังเกตน่าสนใจครับ
เพราะดูเหมือนงานของหวงอี้ทุกเรื่องใช้ประเด็นนี้เป็นธีมหลัก
ทำให้เห็นภาวะความขัดแย้งระหว่างโลกความเป็นจริงกับโลกอุดมคติ
เพื่อช่วงชิงอำนาจทางการเมือง
แม้ฝ่ายธรรมะบางครั้งก็ไม่เลือกวิธีการ
เพราะไม่ท่านม้วยก็เรามวด
และเพื่อเป้าหมายอยู่ที่สันติสุขของแผ่นดิน
บางครั้งหวงอี้ก็ทำให้เห็นว่า
เป้าหมายเป็นเครื่องกำหนดวิธีการ
หรือ end justifies means.
แต่เรื่องความไม่ชัดเจนระหว่างธรรมกับอธรรม
หรือธรรมกับอธรรมนั้น
ที่จริงงานรุ่นก่อนอย่างกระบี่เย้ยยุทธจักร
ก็ชี้ถึงประเด็นนี้เอาไว้
เป็นการเยาะเย้ยการเมืองร่วมสมัย
ในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม
กระทั่งงานบางเรื่องของโกวเล้งยุคหลัง
ก็ชืดชาต่อโลกอุดมคติทำนองนี้